ประวัติส่วนตัว

ประวัติส่วนตัว

คุณวิโรจน์ เย็นสวัสดิ์ อัตชีวประวัติ

(2507–2563)
ผมเกิดในครอบครัวที่ยากจน พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย เป็นชาวนา ชีวิตผมก็ได้สัมผัสความเป็นชาวนาที่ยากจนมาตั้งแต่เกิด ต้องช่วยเหลือพ่อแม่ทำไร่ทำนาตั้งแต่ยังเด็กๆ ธรรมชาติได้สอนให้ผมเป็นคนที่อดทน ขยันขันแข็ง พร้อมจะต่อสู้กับปัญหาและอุปสรรคที่รออยู่ในวันข้างหน้า

ประวัติโดยสังเขป

คุณอาวิโรจน์ เย็นสวัสดิ์ เกิดเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม พุทธศักราช 2507 ณ บ้านเลขที่ 33 หมู่ที่ 3 บ้านห้วยค้อ ตำบลโนนพะยอม อำเภอชนบท จังหวัดขอนแก่น เป็นบุตรของ คุณปู่บุญบ้าง และคุณย่าอ้ม เย็นสวัสดิ์ เป็นบุตรคนที่ 4 มีพี่น้องทั้งหมด 6 คนดังนี้

  1. นางลำพูน พุทธโฆษ์ สมรสแล้ว มีบุตร 3 คน
  2. นางวลัญช์รุจ บุญมาก สมรสแล้ว มีบุตร 2 คน
  3. พ.ต.อ.วิรุตติ์ เย็นสวัสดิ์ สมรสแล้ว มีบุตร 2 คน
  4. นายวิโรจน์ เย็นสวัสดิ์ (ผู้วายชนม์) สมรสกับ คุณอัมภิณี ด่านตระกูล ไม่มีบุตร
  5. นางแววประกาย เย็นสวัสดิ์ สมรสแล้ว มีบุตร 2 คน
  6. นายบุญชนะ เย็นสวัสดิ์ สมรสแล้ว มีบุตร 1 คน

ประวัติการศึกษา

  • จบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4  โรงเรียนบ้านห้วยอึ้ง
  • จบชั้นประถมศึกษาปีที่ 7  โรงเรียนศรีสุมังคล์ ชนบท
  • จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3  โรงเรียนบ้านไผ่ (ขก. 5)
  • จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5  โรงเรียนขอนแก่นวิทยายน
  • จบปริญญาตรี  มหาวิทยาลัยรามคำแหง สาขาการบัญชี

ผมจบการศึกษาสูงสุดที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง คณะบริหารธุรกิจ สาขาบัญชี ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยชีวิตของผม ทำให้ผมต้องรู้จักดูแลตัวเอง รับผิดชอบต่อตัวเอง แม้ว่าจะเข้าเรียนบ้างไม่ได้เข้าเรียนบ้าง ทำให้เรารู้จักเรียนรู้ด้วยตัวเอง การเรียนหนังสือที่นี่มีเพื่อนน้อยมาก เพราะเวลาไปเรียนไม่เคยเจอคนเดิมเลย ห้องเรียนไม่พอ ไม่เคยเห็นหน้าอาจารย์ที่สอนเพราะคนเรียนเยอะมากในแต่ละวิชา เห็นหน้าอาจารย์ทางทีวีวงจรปิดเท่านั้น เจอผู้คนก็แต่หน้าใหม่ๆ ตลอด บวกกับตนเองเป็นคนขี้อาย ไม่กล้าถามใครเลย ตลอดเวลาการเรียนหนังสือที่รามคำแหงเลยไม่มีเพื่อนเลยสักคน นอกจากเพื่อนที่จบมัธยมมาด้วยกัน นั่นคือต้นทุนที่เสียโอกาสอย่างมาก เพราะความไม่มีเพื่อน

หลังจบบัญชีที่รามคำแหง ผมได้ทำงานทางด้านบัญชีมาโดยตลอด ซึ่งเริ่มตั้งแต่การทำงานในสำนักงานบัญชี พนักงานสอบบัญชี สมุห์บัญชี ผู้จัดการฝ่ายบัญชี และเป็นที่ปรึกษาบริษัทต่างๆ งานทางด้านบัญชีได้สอนผมให้รู้จักเป็นคนละเอียดรอบคอบ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากเมื่อผมได้มีโอกาสได้มาเป็นผู้ประกอบการ SMEs

ประวัติการทำงาน

หลังจากจบปริญญาตรีได้เริ่มต้นทำงานที่บริษัท สัปปะรด ปราณบุรี ในตำแหน่งสมุห์บัญชี

ทำงานในบริษัทสัปปะรด ปรานบุรี ในระยะเวลาหนึ่งก็ลาออกมาเปิดสำนักงานบัญชีเพื่อรับทำบัญชี

เมื่ออายุ ๓๑ ปี ผมได้เริ่มก่อตั้ง “บริษัท โปรซอฟท์ คอมเทค จำกัด” เพื่อประกอบธุรกิจซอฟท์แวร์ เป็นผู้พัฒนาซอฟท์แวร์บัญชี เพื่อจำหน่ายให้ลูกค้าทั่วประเทศ ตอนเริ่มต้นเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดในชีวิตอีกช่วงหนึ่ง เพราะผมเดินออกไปขายซอฟท์แวร์ ที่ไหนๆ ใครเขาก็ไม่ซื้อ เพราะเขาถามผมว่า ผมจบอะไร พอผมบอกไปว่า ผมจบบัญชี บริษัทส่วนใหญ่ก็จะปฏิเสธการซื้อผม เพราะเขามีความคิดว่า ผมไม่สามารถแก้ปัญหาให้เขาได้ พอเปิดบริษัทได้ ๒ ปีก็ต้องมาเจอวิกฤติเศรษฐกิจปี ๒๕๔๐ ซึ่งทำให้ผมได้ใช้ประสบการณ์ชีวิตตั้งแต่เด็กเข้ามาแก้ปัญหาต่างๆ ให้ผ่านมาได้จนถึงทุกวันนี้
— คุณวิโรจน์ เย็นสวัสดิ์

เมื่อ ๒๐ ปีที่แล้วผมได้บอกกับตัวเองไว้ว่า สักวันหนึ่ง ถ้าโปรซอฟท์
รวยและลืมตาอ้าปากได้ ผมจะทำซอฟท์แวร์ให้สำนักงานบัญชีใช้ฟรี

วันนี้โปรซอฟท์เติบโตมาอย่างต่อเนื่อง เราร่ำรวยจากคำว่า รู้จักพอ รู้จักให้ วันนี้เราต้องการสร้างโอกาส สร้างคน สร้างงาน ให้กับคนที่ขาดโอกาส เหมือนครั้งหนึ่ง พี่ๆ เจ้าของสำนักงานบัญชีได้ให้โอกาสกับผม ถ้าผมไม่ได้โอกาสในวันนั้น คงไม่มีโปรซอฟท์ในวันนี้

เราเกิดจากสำนักงานบัญชีที่ได้ให้โอกาสเรา วันนี้เราขอตอบแทนผู้มีพระคุณกับเรา ด้วยซอฟท์แวร์ที่ดีที่สุด ทันสมัยที่สุด และจะพัฒนาอย่างต่อเนื่องอย่างไม่หยุดยั้ง เราต้องการสร้างคำนิยามใหม่ในโลกธุรกิจที่ไม่เห็นแก่ตัว ด้วยคำว่า “ของฟรีดีๆ ก็มีอยู่ในโลกใบนี้”

ตลอดเวลาที่ผ่านมาหลายสิบปี ผมได้สอนคนโปรซอฟท์ตลอดเวลาว่าให้รู้จักคำว่าแบ่งปัน ให้โอกาสกับคนที่ขาดโอกาส ให้ไปเถอะที่ให้แล้วมีความสุข ให้แล้วสังคมดีขึ้น เราทำแบบนี้มาเป็นเวลานานและเราจะทำตลอดไป ตามอุดมการณ์ที่เราได้วางเป้าหมายเอาไว้ว่า

"The Promised Land ดินแดนแห่งพันธะสัญญา" เราต้องการสร้างโอกาส สร้างคน สร้างงานให้กับคนที่ขาดโอกาส ผลกำไรจากโปรซอฟท์ตลอด ๒๕ ปี เราได้ประหยัด เก็บออมมาทั้งชีวิต เพื่อมาสร้าง The Promised Land ที่ ออนวัลเลย์

THE PROMISED LAND ดินแดนแห่งพันธะสัญญา

เรากำลังสร้างการเปลี่ยนแปลงให้โลกใบนี้ให้น่าอยู่มากยิ่งขึ้น
ในแต่ละวันเราไม่ย่อท้อต่อปัญหาและอุปสรรคใดๆ ทั้งสิ้น
เราให้สัญญาว่า เราจะส่งต่อความดีที่แต่ละท่านทำไว้กับออนวัลเลย์ไปสู่คนอื่นต่อๆ กันไป

มีเรื่องราวที่ผมจะเล่าให้ฟังว่า ความเป็นมาของผืนดิน ออนวัลเลย์ มีความเป็นมาอย่างไรเป็นเวลากว่า ๑๐ ปีที่ผมมีความคิดว่า เราจะสร้างโอกาส สร้างคน สร้างงานให้กับคนที่ขาดโอกาสได้อย่างไร เพราะผมนึกถึงตัวผมเองว่าถ้าผมไม่มีโอกาสในวันนี้ ผมคงทำไร่ไถนาที่บ้านห้วยค้อ อ.ชนบท จ.ขอนแก่น พอนึกถึงเรื่องนี้ทีไร ใจหายมากครับว่ารอดพ้นมาได้อย่างไร

วันนี้ผมขอขอบคุณลูกค้าโปรซอฟท์ทุกคนที่ให้การสนับสนุนพวกเรามาโดยตลอด ขอบคุณพนักงานโปรซอฟท์ทุกคนที่ช่วยกันสร้างองค์กรเล็กๆแห่งนี้ให้แข็งแรง ขอบคุณผู้ถือหุ้นทุกคนที่เสียสละ ขอบคุณ Stakeholder ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่ช่วยกันผลักดันให้เกิด ออนวัลเลย์

คนโปรซอฟท์และผู้ถือหุ้นโปรซอฟท์ มีความเห็นด้วยกันว่า ขอมอบผืนดิน ออนวัลเลย์ เป็นของส่วนรวม เพื่อนำไปทำธุรกิจเพื่อสังคม ที่ดินผืนนี้จะไม่เป็นของใคร ไม่เป็นของตระกูลใดตระกูลหนึ่ง ขอให้เอาที่ดินผืนนี้ให้เป็นที่ทำกินของคนที่ขาดโอกาสในสังคม ตลอดเวลาหลายปีที่ผมได้ใช้ชีวิตในที่ดินแปลงนี้มีเรื่องปาฏิหาริย์เกิดขึ้นในชีวิตผมมากมาย เรื่องที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้นกับผม เป็นเรื่องที่เกินกว่าคาดหมายและเหนือความคาดเดาของผมตลอดเวลา

วัดพระสิงห์วัดคู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่ คือวัดที่ผมได้ไปอธิษฐานไว้เมื่อผมมาเชียงใหม่ในครั้งแรก เพราะมีคนเตือนผมว่า อย่าไปทำอะไรที่เชียงใหม่นะ เชียงใหม่เป็นเมืองปราบเซียน ผมได้อธิษฐานไปว่า ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ปกป้องคุ้มครองผมด้วย ผมไม่ใช่เซียน อย่าปราบผมเลย และได้บอกว่าผมจะมาสร้างเมืองเหนือ “ผมจะไม่เอาอะไรไปจากเชียงใหม่ นอกจากร่างที่ไร้วิญญาณ”

ตลอดเวลาหลายคนสงสัยว่า สิ่งที่ผมและคนโปรซอฟท์ทำอยู่ในเวลานี้ จะเป็นจริงได้เหรอ มันเป็นการสร้าง Marketing หรือป่าว หรือทำเพียงต้องการเด่น ดังผมอยากจะบอกกับสังคมว่า ที่จริงคนที่สร้าง ออนวัลเลย์ ก็คือลูกหลานชาวเหนือทุกคน เราได้ซึมซับแนวคิดในการทำอะไรต่างๆให้เป็นไปอย่างเรียบง่าย ประหยัด แต่เต็มไปด้วยความรักความสามัคคี ผมได้แต่หวังว่าอีกไม่นานจะมีภาพแบบนี้เกิดขึ้นที่ ออนวัลเลย์

ในนาม โปรซอฟท์ และ ออนวัลเลย์ ผมยินดีให้ทุกท่านได้มีโอกาสได้เข้ามาใช้สถานที่ทำงานที่ ออนวัลเลย์ ฟรีโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด และที่ ออนวัลเลย์ ก็มีห้องพักเพื่อรองรับนักไอทีอย่างพวกเราประมาณ ๔๐ ท่าน ถ้าท่านใดมาพักที่นี่เราไม่ได้กำหนดเรื่องราคาห้องพัก ทุกท่านสามารถกำหนดราคาค่าห้องพักได้เองตามความต้องการของแต่ละท่าน เรามา Pay It Forward ด้วยกันนะครับ

ออนวัลเลย์ คือ Creative Park ที่นี่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับคนไอที เพราะมีความเป็นธรรมชาติที่สวยงาม มี Ecosystem ที่เหมาะสมสำหรับนักคิดนักพัฒนา มีอินเตอร์เน็ต มีร้านกาแฟชื่อทุ่งนากาแฟ มีร้านอาหารชื่อรวงข้าว มีเลนปั่นจักรยาน มีสนามฟุตบอลมาตรฐาน และมีดัชฟาร์ม ฟาร์มม้าแคระจากประเทศอังกฤษ

ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราสร้างขึ้นมาเพื่อวัตถุประสงค์หลักคือ เป็นสถานที่สร้างโอกาส สร้างคน สร้างงานให้กับคนที่ขาดโอกาส ให้คนต่างจังหวัดได้เข้าถึงแหล่งงานไอทีที่ไม่ต้องเดินทางไปทำงานที่เมืองหลวง

ผมมาเชียงใหม่เมื่อ ๙ ปีที่แล้ว วันนี้โปรซอฟท์มีพนักงานทำงานอยู่เชียงใหม่ ๑๕๐ กว่าคน สิ่งที่อยากเห็นคืออยากเชิญชวนท่านมาสร้างงานให้กับคนที่นี่ด้วยกัน เพราะสิ่งที่ผมอยากเห็นก่อนตายคือ อยากเห็นถนนสายไอทีเกิดขึ้นที่เชียงใหม่ อเมริกา มี Silicon Valley อินเดียมีบังกาลอร์ เชียงใหม่ก็ต้องมีออนวัลเลย์ มันจะเจ๋งมาก ถ้าตลอดเส้นทางจากเชียงใหม่-น้ำพุร้อนสันกำแพง ถึงแม่กำปองจะเป็นถนนสายไอที

การที่เราคิดจะทำให้กับส่วนรวม การให้กับคนอื่น เราจะมีความสุขเสมอที่เราได้ทำ ประเทศญี่ปุ่นที่เจริญได้ เพราะคนในชาติคิดเพื่อประโยชน์ของคนส่วนรวมก่อนที่จะคิดเพื่อตนเอง

ตลอดเวลาที่ผมได้ทำอะไรต่างๆที่ออนวัลเลย์ ผมไม่ได้สนใจว่าใครจะคิดอย่างไร ผมเพียงทำตามอุดมการณ์ของผมเท่านั้น ผมไม่มี KPI ชี้วัดความสำเร็จ ไม่มี KPI ชี้วัดความร่ำรวย ไม่มี Business Plan ผมแค่ทำทุกสิ่งทุกอย่างตามสามัญสำนึกหรือ Common Sense เท่านั้น เหนื่อยก็พัก หิวก็กิน เงินมีก็ทำ เงินหมดก็หยุด ผมไม่ได้หวังว่าจะรวยเท่าโน้นเท่านี้ หรือว่าจะต้องมีชื่อเสียงอะไรมากมาย แต่เพียงอยากมีความสุขที่ตนเองได้ทำ ทำแล้วสังคมได้ประโยชน์จากที่ตนเองทำก็เท่านั้น

 1562
ผู้เข้าชม
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์